วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต


ข้าพเจ้าคือเลือดหยดเดียวที่ยืนอยู่บนพื้นโลก ไม่มีญาติวงษ์พงศาอะไรที่ใหน ตัวคนเดียวจริงๆ เพราะฉะนั้นต้องช่วยตัวเอง หาเงินใช้เอง สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง สร้างความสุขให้ตัวเอง ทุกสิ่งเพราะตัวคนเดียว จะเหลียวหน้าไปหาใคร และอยู่ในสภาพเหมือนถูกเตาไฟแผดเผาให้เร่าร้อนอยู่ทุกวันคืน และขอปฏิญาณไว้ว่าถ้าใครมาทำอะไร หรือมาจุกจิก ข้าพเจ้าเป็นต้องสู้ทีเดียว เดิมตั้งใจใว้ว่าภายในอายุยี่สิบถึงสามสิบปี ข้าพเจ้าต้องมีทั้งทรัพย์และชื่อเสียงในงานประณีตศิลป์ ครั้นผ่านมาจนบัดนี้ข้าพเจ้ายังไม่มีเงิน จึงคิดได้ว่าข้าพเจ้ามีวาสนาพิเศษอะไรจึงต้องการทั้งเงินและชื่อเสียง ต่อไปนี้จึงขอตัดขาดกับเงิน ต้องการเพียงชื่อเสียงอย่างเดียว มนุษย์เราควรใช้เงินเท่าที่มี มีมากก็ใช้มาก มีน้อยก็ใช้น้อย เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่อยากสอนอะไรให้ใครอีกเลย ไม่มีประโยชน์ ให้เท่าที่เขามีภาชนะรองรับ บางคนคว่ำขันมา ก็ไม่ได้ใส่อะไรไปเลย ข้าพเจ้าเห็นว่าการช่างนี้เป็นของกายสิทธิ์ ผู้รับต้องเป็นผู้มีวาสนา วิชานี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ อยู่กับเด็กๆก็น่ารัก อยู่กับสาวๆก็สวยขึ้น อยู่กับคนแก่ก็น่าเคารพ จึงไม่สมควรที่จะเอาของดีๆมาให้คนที่ไม่เห็นประโยชน์ บางคนเรียนไปแล้วเอาไปทิ้งๆขว้างๆข้าพเจ้าสงสารเพราะฉะนั้นก็ไม่ให้ไปอีก ขอเอาติดตัวตายไปเสียดีกว่า ตั้งแต่อายุยี่สิบปีมานี่ข้าพเจ้าไม่มีคู่เทียบจนกระทั่งบัดนี้ มาบัดนี้นั้นเป็นของแน่นอน มาหาใครเทียบไม่ได้ เพราะข้าพเจ้ารู้เห็นของเก่ามาเยอะ ใด้ประดิษฐ์งานมามาก ก็ช่างสังเกตุช่างจำ เป็นเครื่องเรืองปัญญา ข้าพเจ้าเป็นคนอาภัพเพราะเป็นคนหลังแข็งสักหน่อย ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ว่าใครทั้งนั้นเลย เป็นคนหยิ่งมาก เราถือว่าทำงานแลกข้าว แล้วเราก็กินข้าวของเรา จริงอยู่ข้าพเจ้าไม่มีวาสนาไม่มีเงินอย่างเขา แต่บางอย่างเขาก็ไม่มีเหมือนกับเรา เพราะฉะนั้นก็ยกย่องตัวเอง เป็นคนยกย่องไม่เหยียบตัว ถ้าเราไปก้มราบกราบงามเสียแล้ว เขาจะมาทำอะไรเรามีแต่เขาจะเหยียบเรา ที่มีคนริษยามากก็ดีเชียว สังเกตุคนเลวๆต่ำๆ ไม่มีคนริษยาเลย เพราะฉะนั้นถือว่า เขาอิจฉาดีกว่าเขาสงสาร วันนี้อยู่นี่พรุ่งนี้อาจไปอยู่ที่ใหนก็ได้ ชีวิตคนนั้นไม่แน่ ที่มีความรุ้ไว้นี่ เอาไว้หากินในทุกที่ๆจรไป มีศิลปะติดตัวไปเหมือนเป็นบารมี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น