วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปรมจารย์งานประณีตศิลป์






















เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 นี้ ประเทศไทย ได้สูญเสียปรมาจารย์ผู้มีฝีมือเป็นเลิศกว่าใครในแผ่นดิน ในสรรพวิชาอันอุดมด้วยประโยชน์ คือท่านอาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต ด้วยวัยถึง เก้าสิบห้าปีเศษตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึงห้ารัชกาล ท่านได้สั่งสมวิชาความรู้นานับประการ และได้สั่งสมผลงานทางประณีตศิลป์ ตลอดจนถ่ายทอดวิชาแก่บรรดาศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ตราบจนวาระสุดท้ายคุณลุงของท่านคือ พระยาอัมภันตริกามาตย์ (กระจ่าง ภาณุทัต) จางวางกรมพระราชพิธีในราชสำนักและกรมสนมพลเรือนผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในพระพุทธเจ้าหลวง ชีวิตในปฐมวัยของท่านได้อยู่ในความอุปการะของคุณลุง จึงเป็นโอกาสให้ท่านได้ศึกษาและสังเกตจดจำจารีตประเพณีและงานศิลปกรรมในราชสำนักอันจัดเป็นงานชั้นสูงสุดท่านอาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต ได้แสดงฝีมือในงานประณีตศิลป์และการเรือนให้ปรากฏในราชสำนักตั้งแต่อายุได้แปดขวบ จนถึงกับสมเด็จพระศรีพัชรินทร์ทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต้องพระประสงค์ขอทอดพระเนตรตัวผู้ทำตลอดสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ท่านได้รับการไว้วางพระราชหฤทัย โปรดเกล้าให้เป็นแม่กองในงานประณีตศิลป์หลายแขนง โดยเฉพาะการปักม่านบังพระเพลิงพระเมรุมาศในการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าหลวง งานราชาภิเษกในรัชการที่หก งานปักม่านข้างหลังที่ประทับบนพระที่นั่งจักรี ปักพระเขนยที่บนพระแท่นเศวตฉัตร และเครื่องใบตอง ที่ใช้ในงานพระราชพิธีต่างๆ จนเป็นที่เลื่องลือ และโปรดปรานของเจ้านายในรัชสมัยสมเด็จพระปกเกล้า ท่านอาจารย์ เยื้อน ได้เป็นผู้ถักตาชุนกรองทองฉลองพระองค์ครุยบรมราชาภิเษกถวายภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่านได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในราชสำนักเขมร และลาว ได้แสดงฝีมือให้ปรากฏจนเป็นที่รู้จักเรียกกันว่า คุณยายไทย ท่านได้นำความช่างประดิษฐ์ และความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์ของสตรีไทยไม่มีชาติใดเหมือน ไปยังประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และปีนังท่านอาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต มีอุดมการณ์อย่างแรงกล้า ที่จะทำให้ผู้หญิงไทยมีความรู้ความสามรถ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติให้มากที่สุด ท่านจึงได้ตั้งโรงเรียนสตรี ภาณุทัต ขึ้นที่เสาชิงช้า ถนนบำรุงเมือง รับนักเรียนโดยไม่ต้องมีการสอบเข้า ทั้งจะศึกษาโดยเสียค่าเล่าเรียนก็ได้ ไม่เสียก็ได้ ไม่จำกัดวัยและฐานะโรงเรียนสตรี ภาณุทัต เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะโรงเรียนการเรือนและประณีตศิลป์ชั้นสูงของสตรียุคนั้น ลูกศิษย์หลายท่านของโรงเรียนนี้ ภายหลังเป็นผู้มีเกียรติยศชื่อเสียง ถึงระดับท่านผู้หญิงและคุณหญิงต่อมาโรงเรียนสตรี ภาณุทัต ได้ย้ายมาตั้งที่วังบูรพา แต่อาจจะเป็นความโชคร้ายของสตรีไทยในยุคต่อมา โรงเรียนสตรี ภาณุทัตจึงต้องเลิกล้มการสอนลง ด้วยอำนาจหน้าที่ของผู้เป็นใหญ่บางท่าน ในกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นแต่ความรู้ความสามารถอันเป็นเอกของท่าน ก็มิได้ถูกปิดกั้นไปด้วย ท่านได้ถูกเชิญไปสอนตามโรงเรียนต่างๆอีกหลายแห่ง เช่น รร. สตรีวิทยา รร. สายปํญญา รร. การช่างเสาวภา รร. เพรชบุรีวิทยาลงกรณ์ วิทยาลัยครูสวนดุสิตและยังได้รับเชิญจากสภาวัฒนธรรมหญิงให้เป็นกรรมการในงานประกวดงานฝีมือต่างๆ ต่อมาอีกหลายยุคหลายสมัยอาจกล่าวได้ว่าวิชาการประณีตศิลป์ในปัจุบันสมัยนี้ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากปรมาจารย์ท่านนี้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่มีศิษย์หรืออาจารย์ท่านใดเลยที่จะแหวกวงล้อมพ้นไปจากความรู้ อันกว้างขวางของท่านได้ ดังจะได้เห็นจากตำราการสอนของอาจารย์ การช่างและการเรือนโดยทั่วไป ที่กรมวิชาการได้บรรจุจัดพิมพ์ไว้ในหลักสูตร ต้นแบบการทำใบตอง ดอกไม้ และบายศรี ตลอตจนการแกะของสด และผักผลไม้ในยุคปัจจุบัน ล้วนมาจากสกุลช่างของท่านอาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต ทั้งสิ้นท่านอาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต ได้แสดงฝีมือในการแกะสลักผลไม้ ตั้งเครื่องเสวย เมื่อครั้ง สมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบทที่สอง แห่งอังกฤษเสด็จเยือนประเทศไทย และได้เสด็จเมืองโบราญบางปู ทรงมีรับสั่งว่า “ทำด้วยมือหรือนี่”ตลอดชีวิตท่าน ท่านเป็นผู้ให้ และเป็นผู้เสียสละตลอด เต็มไปด้วยความหนักแน่น อดทน มักน้อย ต่อสู้เพื่อสังคม และเกียรติของสตรี ยึดมั่นในบวรพุทธศาสนา เป็นปูชนียบุคคล ที่ควรแก่การบูชา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยเรา ที่ได้สูญเสียทรัพยากรบุคคลอันประเสริฐ ผู้ไม่เคยต้องการ เครื่องหมายเชิดชูยกย่อง หรือคำสดุดีจากสถาบันใด ท่านได้กล่าวไว้ในบั้นปลายชีวิตของท่านว่า“วิชาความรู้ที่อิฉันสอนนั้น เป็นเพียงส่วนน้อย ที่มีผู้รับถ่ายทอดไป ยังจะต้องนำติดตัวตาย ตามอิฉันไปอีกเป็นอันมาก”(จากหนังสือพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต ผู้ให้คำแนะนำ อันอุดมด้วยประโยชน์

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลอยกระทงที่บางไทร
















ทำกระทงให้บริษัท jsl ประกวดที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรครับ

มะปรางริ้ว






















มะปรางริ้วปอกใส่ชามใบตองครับ หาคนทำเป็นน้อยแล้วจริงๆ กว่าจะหัดได้ขนาดนี้หมดมะปรางไปเป็นสิบโล จริงๆมีอีกหลายลายนะครับ เอาไว้จะทำมาให้ชมอีก




วัฒนธรรมไทยทางประณีตศิลป์การจัดดอกไม้สดและงานใบตอง











รับสั่งทำงานดอกไม้ ใบตองแบบไทยประณีตศิลป์ครับ

งานแกะสลักผักผลไม้ของไทย
















รับสอนแกะสลักผักผลไม้ และบริการจัดทำเพื่อถ่ายโฆษณา จัดงานเลี้ยงต่างๆครับ

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

งานแทงหยวกเครื่องสด











บริการรับจัดทำงานแทงหยวกประดับจิตกาธาน และ จัดดอกไม้ งานทำขวัญนาค งานบวช งานแต่ง งานตาย แบบไทยโบราณ โดยทีมงานชมรม มรดกเพรชสยาม ติดต่อ ศูนย์แปดห้า ห้าห้าสอง เจ็ดสี่แปดห้า

อาจารย์ เยื้อน ภาณุทัต


ข้าพเจ้าคือเลือดหยดเดียวที่ยืนอยู่บนพื้นโลก ไม่มีญาติวงษ์พงศาอะไรที่ใหน ตัวคนเดียวจริงๆ เพราะฉะนั้นต้องช่วยตัวเอง หาเงินใช้เอง สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง สร้างความสุขให้ตัวเอง ทุกสิ่งเพราะตัวคนเดียว จะเหลียวหน้าไปหาใคร และอยู่ในสภาพเหมือนถูกเตาไฟแผดเผาให้เร่าร้อนอยู่ทุกวันคืน และขอปฏิญาณไว้ว่าถ้าใครมาทำอะไร หรือมาจุกจิก ข้าพเจ้าเป็นต้องสู้ทีเดียว เดิมตั้งใจใว้ว่าภายในอายุยี่สิบถึงสามสิบปี ข้าพเจ้าต้องมีทั้งทรัพย์และชื่อเสียงในงานประณีตศิลป์ ครั้นผ่านมาจนบัดนี้ข้าพเจ้ายังไม่มีเงิน จึงคิดได้ว่าข้าพเจ้ามีวาสนาพิเศษอะไรจึงต้องการทั้งเงินและชื่อเสียง ต่อไปนี้จึงขอตัดขาดกับเงิน ต้องการเพียงชื่อเสียงอย่างเดียว มนุษย์เราควรใช้เงินเท่าที่มี มีมากก็ใช้มาก มีน้อยก็ใช้น้อย เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่อยากสอนอะไรให้ใครอีกเลย ไม่มีประโยชน์ ให้เท่าที่เขามีภาชนะรองรับ บางคนคว่ำขันมา ก็ไม่ได้ใส่อะไรไปเลย ข้าพเจ้าเห็นว่าการช่างนี้เป็นของกายสิทธิ์ ผู้รับต้องเป็นผู้มีวาสนา วิชานี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ อยู่กับเด็กๆก็น่ารัก อยู่กับสาวๆก็สวยขึ้น อยู่กับคนแก่ก็น่าเคารพ จึงไม่สมควรที่จะเอาของดีๆมาให้คนที่ไม่เห็นประโยชน์ บางคนเรียนไปแล้วเอาไปทิ้งๆขว้างๆข้าพเจ้าสงสารเพราะฉะนั้นก็ไม่ให้ไปอีก ขอเอาติดตัวตายไปเสียดีกว่า ตั้งแต่อายุยี่สิบปีมานี่ข้าพเจ้าไม่มีคู่เทียบจนกระทั่งบัดนี้ มาบัดนี้นั้นเป็นของแน่นอน มาหาใครเทียบไม่ได้ เพราะข้าพเจ้ารู้เห็นของเก่ามาเยอะ ใด้ประดิษฐ์งานมามาก ก็ช่างสังเกตุช่างจำ เป็นเครื่องเรืองปัญญา ข้าพเจ้าเป็นคนอาภัพเพราะเป็นคนหลังแข็งสักหน่อย ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ว่าใครทั้งนั้นเลย เป็นคนหยิ่งมาก เราถือว่าทำงานแลกข้าว แล้วเราก็กินข้าวของเรา จริงอยู่ข้าพเจ้าไม่มีวาสนาไม่มีเงินอย่างเขา แต่บางอย่างเขาก็ไม่มีเหมือนกับเรา เพราะฉะนั้นก็ยกย่องตัวเอง เป็นคนยกย่องไม่เหยียบตัว ถ้าเราไปก้มราบกราบงามเสียแล้ว เขาจะมาทำอะไรเรามีแต่เขาจะเหยียบเรา ที่มีคนริษยามากก็ดีเชียว สังเกตุคนเลวๆต่ำๆ ไม่มีคนริษยาเลย เพราะฉะนั้นถือว่า เขาอิจฉาดีกว่าเขาสงสาร วันนี้อยู่นี่พรุ่งนี้อาจไปอยู่ที่ใหนก็ได้ ชีวิตคนนั้นไม่แน่ ที่มีความรุ้ไว้นี่ เอาไว้หากินในทุกที่ๆจรไป มีศิลปะติดตัวไปเหมือนเป็นบารมี